ตร.ไซเบอร์รวบ 2 ตัวการแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกเป็น จนท.แบงค์และตำรวจ ความเสียหายกว่า 300 ล้าน
เมื่อวันที่ 5 ธ.ค.2567 พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ รรท.ผบช.สอท. พล.ต.ต.วิวัฒน์ คำชำนาญ สั่งการให้ พล.ต.ต.ชัชปัณฑกาณฑ์ คล้ายคลึง ผบก.สอท.1 พ.ต.อ.กฤช กัญชนะ ผกก.2 บก.สอท.1 นำกำลังพร้อมหมายจับศาลอาญา เข้าจับกุมนายเจษฎา อายุ 31 ปี และน.ส.ลีลาวดี อายุ 30 ปี ฐาน “ร่วมกัน ฉ้อโกงประชาชน และโดยทุจริต หรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน และฟอกเงิน”
สืบเนื่องจากเมื่อช่วงต้นปี67 มีผู้เสียหายหลายสิบรายที่ตกเป็นเหยื่อแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ทยอยเข้าร้องทุกข์กับตำรวจไซเบอร์ ว่าถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกลวงอ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ธนาคาร และเจ้าหน้าที่ตำรวจหลายท้องที่ โทรมาหาผู้เสียหายแต่ละราย ในลักษณะมีการตรวจสอบข้อมูล พบชื่อของผู้เสียหายถูกนำมาใช้แอบอ้างเปิดบัญชี และนำมาใช้ทำธุรกิจผิดกฎหมาย
จากนั้นบุคคลที่อ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ธนาคาร และโอนสายต่อให้กับบุคคลที่อ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ ให้โอนเงินออกจากบัญชี เพื่อตรวจสอบความบริสุทธิ์ หากไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในการกระทำผิด ทำให้มีผู้เสียหายหลงเชื่อ ยอมเงินออกจากบ้ญชีตังเองเข้าบัญชีของคนร้าย กระทั่งผู้เสียหายรู้ตัวว่าโดนหลอก จึงเข้าแจ้งความร้องทุกข์กับตำรวจไซเบอร์ รวมมูลค่าความเสียหายทั้งหมดกว่า 300 ล้านบาท
ต่อมาตำรวจชุดสืบสวน กก.2 บก.สอท.1 ทำการสืบสวนจนทราบว่านายเจษฎา และน.ส.ลีลาวดี เป็นผู้ร่วมขบวนการแก็งคอลเซ็นเตอร์ โดยนายเจษฎา ทำหน้าที่รับบทเป็นตำรวจ และน.ส.ลีลาวดี ซี่งเป็นแฟนสาว ทำหน้าที่รับบทเป็นเจ้าหน้าที่ธนาคาร คอยโทรติดต่อหาเหยื่อ จึงรวบรวมพยานหลักฐานขออนุมัติศาลออกหมายจับ โดยติดตามจับกุมผู้ต้องหาทั้งสองรายได้บริเวณใต้สะพานพุทธยอดฟ้า เขตธนบุรี กรุงเทพฯ ขณะมาเปิดร้านขายชาไข่มุก
จากการสอบสวน น.ส.ลีลาวดี ให้การยอมรับว่า ทำหน้าที่หลอกเป็นสายแรก ในการโทรติดต่อเหยื่อ โดยใช้อุบายอ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ธนาคารแจ้งกับทางผู้เสียหายว่า ทางธนาคารพบมีการเบิกถอนเงินแบบไม่ถูกต้อง และจะต้องถูกดำเนินคดี จากนั้นส่งต่อให้ นายเจษฎา เป็นหัวหน้าสายที่ 2 อ้างว่าตนเองเป็นตำรวจ ยศร้อยตำรวจโท สังกัด สภ.เมืองมุกดาหาร พร้อมเปิด video call คุยกับผู้เสียหาย เพื่อให้ทางผู้เสียหายโอนเงินมาตรวจสอบหากไม่ได้กระทำผิด ทำให้เหยื่อส่วนใหญ่ตกใจกลัวยอมโอนเงิน ก่อนควบคุมตัวนำส่งพนักงานสอบสวน กก.2 บก.สอท.1 ดำเนินคดีต่อไป
ขณะที่ ตำรวจไซเบอร์ได้ทำการขยายผลต่อ โดยพบว่าเครือข่ายแก๊งคอลเซนเตอร์ที่อยู่ในฝั่งประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งได้ดำเนินการติดต่อประสานงานไปยังประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อจะปฏิบัติการทลายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ดังกล่าว โดยจากการสืบสวนพบว่ามีคนไทยทำงานเป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์จำนวนมาก
Comment