กู้ภัยหลอนขนลุก ศพ 3 แม่ลูก เหยื่อเก๋งบีเอ็มชนดับ ได้ยินเสียงหญิงร้องไห้ โลงสั่น

[Sassy_Social_Share]

กู้ภัยหลอนขนลุก ศพ 3 แม่ลูก เหยื่อเก๋งบีเอ็มชนดับ ได้ยินเสียงหญิงร้องไห้ โลงสั่น เข้าเวรเจอกันหลายคน ทั้งเคาะประตู ดังครืดคราด ต้องโทรตามพ่อมาจุดธูปบอก

จากเหตุการณ์สาวซิ่งเก๋งบีเอ็มดับเบิลยู ความเร็ว 207 กม./ชม. ชน 3 แม่ลูกเสียชีวิต บนสะพานข้ามทางรถไฟบ้านหนองหมุก ต.ตากแดด อ.เมืองชุมพร จ.ชุมพร เมื่อคืนวันที่ 27 พ.ย. 2567 ญาติตั้งสวดอภิธรรมศพจนถึงวันที่ 3 ธ.ค. ก่อนเคลื่อนย้ายทั้ง 3 ศพไปเก็บไว้ชั่วคราวที่มูลนิธิชุมพรการกุศลสงเคราะห์ อ.เมืองชุมพร จ.ชุมพร จนกว่าจะเรียกร้องความยุติธรรมให้ถึงที่สุด ก่อนจะนำร่างทั้งหมดฌาปนกิจต่อไ

ล่าสุดเมื่อวันที่ 5 ธ.ค. 2567 ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งเรื่องราวชวนหลอนจากเจ้าหน้าที่กู้ภัยที่ทำงานอยู่ภายในมูลนิธิชุมพรฯ จนต้องโทรบอกญาติให้เดินทางมาจุดธูปบอกกล่าว พร้อมกับซื้ออาหารโปรดของ 3 แม่ลูกมาเซ่นไหว้

ผู้สื่อข่าวจึงเดินทางไปสอบถามจากนายประกฤษณ์ รัตนภา อายุ 50 ปี ซึ่งเป็นสามีและพ่อของเด็กที่เสียชีวิต กล่าวว่า หลังจากเคลื่อนย้ายศพไปฝากไว้ที่มูลนิธิชุมพรฯ ตอนไปได้จุดธูปนำทางออกจากบ้าน แต่หลังจากเสร็จและเดินทางกลับ ตนไม่ได้จุดธูปบอกกล่าวว่าพ่อกลับแล้ว วันนี้(5 ธ.ค.) มีกู้ภัยผู้หญิงโทรมาหาบอกว่าคืนที่ผ่านมาได้ยินเสียงกุ๊กกั๊กๆ และมีเสียงร้องไห้คร่ำครวญ 2 วันติดกัน

นายประกฤษณ์ กล่าวต่อวา ส่วนตัวยังไม่ปักใจเชื่อเท่าไไร แต่เข้าใจว่าเป็นความเชื่อส่วนบุคคล ตนจำได้ว่าตอนที่ตนไปดูศพในวันเกิดเหตุเห็นว่าลูกสาวนอนเสียชีวิตตาไม่หลับ แม้ว่าตนพยายามปิดตาให้ ส่วนภรรยากับลูกชายตนปิดตาได้ วันนี้ทางกู้ภัยบอกว่าให้เข้าไปจุดธูปไหว้ศพให้หน่อย จึงชวนพี่ๆ ไปเป็นเพื่อนที่มูลนิธิฯ โดยแวะซื้อส้มตำข้าวเหนียวไก่ย่างไปฝากด้วย

นายประกฤษณ์ กล่าวอีกว่า พอไปถึงน้องๆ กู้ภัยก็เล่าเหตุการณ์ให้ฟัง ตนจึงจุดธูปบอกกล่าวว่าอย่าไปรบกวนพี่ๆ น้องๆ กู้ภัย ไม่นานตนจะมารับกลับ ให้ทุกอย่างเรียบร้อยดีแล้ว วันนี้ตนก็ลืมไปว่าเป็นวันพ่อ ปกติทุกปีที่ผ่านมาครอบครัวเราจะทำอาหารกินกันเล็กๆ น้อยๆ ภายในบ้าน ไม่ได้ออกไปเที่ยวข้างนอก เชื่อว่าลูกมาเตือนว่าวันนี้เป็นวันพ่อ

ต่อมาผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่มูลนิธิชุมพรฯ พบนายอุดมศักดิ์ หงส์ทอง อายุ 45 ปี เจ้าหน้าที่กู้ภัยที่ดูแลร่างผู้เสียชีวิตทั้ง 3 ราย พาไปบริเวณที่ตั้งโลงศพ พบมีการวางอาหาร เครื่องดื่ม และขนมหลายอย่าง พร้อมพวงมาลัย

นายอุดมศักดิ์ เล่าถึงเหตุการณ์ระทึกขนหัวลุกว่า ในคืนที่ 2 กลุ่มน้องๆ กู้ภัยที่อยู่เวร 4-5 คนประมาณหลังเที่ยงคืนได้ยินเสียงดังครึม 2 ครั้ง แต่หันไปมองไม่มีอะไร หลังจากน้องกู้ภัยวิ่งเผ่นขึ้นห้องพัก ประมาณตี 1 ได้ยินเสียงคนเคาะประตู และมีเสียงผู้หญิงร้องไห้

นายอุดมศักดิ์ กล่าวต่อว่า ส่วนตนเจอคืนแรกประมาณเที่ยงคืนกว่าๆ ขณะจุดธูป จู่ๆ โลงคนเป็นแม่สั่น ตนถามในใจว่ามีอะไรหรือเปล่า พูดไปว่า “อย่ามายุ่งผมนะ ผมไม่ได้ทำอะไร ผมมาดี” หลังจากนั้นก็เงียบ เหมือนกับว่าผู้ตายยังเป็นห่วงเป็นกังวล ที่ผ่านมากู้ภัยไม่ค่อยเจอเหตุการณ์แบบนี้

ด้าน น.ส.รัตนา เสนาอำมาตย์ อายุ 39 ปี พนักงานทำความสะอาด กล่าวว่า คืนแรกประมาณ 1 ทุ่มกว่าๆ ขณะนั่งกรอกน้ำมันอยู่หลังศาลาไม่ไกลจากที่ตั้งโลงศพ ได้ยินเสียงผู้หญิงมีอายุวัยกลางคนร้องพักใหญ่ๆ เหมือนคนเสียใจ

น.ส.รัตนา กล่าวต่อว่า พอตกเที่ยงคืนกำลังนอนอยู่บนโซฟาไม้ ได้ยินเสียงดังครืดคราดๆ คิดว่าเป็นเสียงของเครื่องทำความเย็นโลงศพทำงาน แต่มันไม่ใช่เสียงที่เคยเป็น ตนก็ยังไม่คิดอะไร จึงล้มตัวนอนต่อ สักพักได้ยินเสียงเหมือนเดิม จึงลุกขึ้นนั่งฟังว่าเป็นเสียงอะไรกันแน่

“เมื่อหันมองดูโลงศพ พบว่าโลงของคนเป็นแม่สั่นสะเทือน ตอนแรกเข้าใจว่าเป็นเพราะมอเตอร์โลงแอร์หรือเปล่า จากประสบการณ์สัมผัสอยู่ที่นี่มานาน โลงไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน” น.ส.รัตนา กล่าว

ขณะที่ น.ส.กฤตินี รอดยัง อายุ 24 ปี เจ้าหน้าที่กู้ภัยประจำศูนย์ กล่าวว่า ตนก็เจอเหตุการณ์ประหลาด วันแรกตอนเย็นที่พาร่างผู้เสียชีวิตมาไว้ที่มูลนิธิฯ หลังจากทุกคนกลับกันหมดแล้ว ตนพาลูกชาย วัย 10 เดือน เข้าห้องน้ำเปลี่ยนแพมเพิร์ส ลูกชายยกมือบ๊ายบายเรียก “ป้า ป้า” ตนมองไปยังจุดที่ลูกชายมองก็พบว่าไม่มีใคร มีแค่ตนกับลูกชายเท่านั้น

“คืนนั้นลูกชายร้องไห้ทั้งคืน ตอนแรกไม่ทราบสาเหตุ แต่หลังจากสอบถามเพื่อนๆ และเห็นโลงศพเท่านั้นก็รู้เลย รุ่งเช้าจึงจุดธูปบอกผู้เสียชีวิต” น.ส.กฤตินี กล่าว

 

 

Comment

แนะนำสำหรับคุณ