หนุ่ม จ้างหนังกลางแปลง ฉายให้ท้องนาดู หลังเกี่ยวข้าวได้ 33 ตัน เอ่ยขอพระแม่โพสพ ให้ได้ข้าวมากกว่า 1 ตันต่อไร่ หลังขาดทุนต่อเนื่อง สุดท้ายปาฏิหาริย์มีจริง
เมื่อวันที่ 8 ธ.ค.67 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงค่ำวันที่ 7 ธ.ค.ที่ผ่านมา ได้รับการเปิดเผยจาก นายรังสรรค์ อายุ 45 ปี ชาวบ้าน ม.2 ต.เทพราช อ.บ้านโพธิ์ จ.ฉะเชิงเทรา หนุ่มชาวนาที่นำหนังกลางแปลงมาฉายให้ทุ่งนาดู ที่บริเวณริมคลองในพื้นที่ ม.6 ต.เทพราช ว่า ครอบครัวตนทำนาข้าวหอมมะลิ สายพันธุ์ปทุมธานีในแปลงนาผืนนี้ บนเนื้อที่จำนวน 29 ไร่ มานานนับตั้งแต่บรรพบุรุษจากยาย ก่อนที่จะต่อเนื่องมาจนถึงรุ่นพ่อแม่ และมาจนถึงรุ่นของตนเอง ที่เพิ่งรับช่วงมาได้ประมาณ 10 ปี
แต่ยังไม่เคยได้ผลผลิตข้าวมากเหมือนกับการทำนาในครั้งนี้มาก่อน ที่ได้ผลผลิตมากถึง 33 เกวียน (ตัน) ซึ่งถือเป็นครั้งแรกในชีวิตและเป็นครั้งแรกของคนในครอบครัว จากเมื่อการทำนาใน 2 รอบที่ผ่านมาได้ผลผลิตทั้งแปลงเพียง 8 เกวียนเท่านั้น ทำให้ขาดทุนมาอย่างต่อเนื่องนับแสนบาทต่อ 1 ครั้ง และเคยได้ผลผลิตมากสูงสุดในครั้งที่ผ่านๆ มาไม่เกินไร่ละ 80 ถัง หรือครั้งละประมาณ 24 เกวียน ซึ่งใน 1 ปีจะทำนาได้เพียง 2 ครั้งเท่านั้น
แต่ในครั้งนี้ขณะเริ่มหว่านข้าว ตนเอ่ยปากขอต่อพระแม่โพสพด้วยวาจา โดยที่ไม่ได้จุดธูปหรือทำพิธีขอแต่อย่างใด โดยขอให้การทำนาในครั้งนี้ได้ข้าวมากกว่า 1 ตันต่อไร่ แล้วจะนำหนังหรือภาพยนตร์กลางแปลงมาฉายให้ดู และเมื่อเก็บเกี่ยวผลผลิตเมื่อช่วงปลายเดือนที่ผ่านมา
ตนได้ข้าวมากถึง 33 ตัน ซึ่งเกินกว่าไร่ละ 1 ตัน ขึ้นมาจริงๆ จึงว่าจ้างนำหนังกลางแปลงมาฉายให้พระแม่โพสพในท้องนาดูในวันนี้ พร้อมกับช่วนกลุ่มเพื่อนๆ เพียงไม่กี่คน ที่มาให้กำลังใจ และจัดกินเลี้ยงกันเท่านั้น โดยไม่ได้บอกให้ใครทราบมากนัก
“เมื่อครั้งการทำนาในช่วง 2 รอบที่แล้วได้ผลผลิตไม่ดีเลย เพียงครั้งละ 8 ตันนั้น ได้ทำให้ผมถึงกับนึกท้อใจ และบอกแม่ว่าจะเลิกทำนาแล้ว แต่มาได้ข้าวมากถึง 33 ตันในครั้งนี้ และขายได้ตันละ 1 หมื่นบาท จึงทำให้มีกำลังใจในการที่จะทำนาต่อไปอีก เพราะมีเงินใช้หนี้สินจากการทำนาใน 2 รอบที่ผ่านมาประมาณกว่า 1 แสนบาท เมื่อหักต้นทุนในปีนี้แล้ว ยังคงมีเงินเหลือเก็บอีกประมาณ 1 แสนบาท” นายรังสรรค์ กล่าว
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า เคยมีคนจ้างหนังกลางแปลงมาฉายให้ท้องนาดูมาก่อนบ้างไหม นายรังสรรค์ ตอบว่า ยังไม่เคยมีใครทำแบบนี้มาก่อนในพื้นที่ จึงถือว่าเป็นครั้งแรกของคนแถวนี้ จึงทำให้คนที่ขับรถผ่านไปมามองด้วยความแปลกใจ เพราะมองไม่เห็นคนดูหนัง
ที่มา มติชน
Comment